วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มนุษย์ ทุกคนล้วนมีความฝัน และ “ความฝัน” ก็มี “ความจริง” เป็นข้อจำกัดหรือขีดจำกัดของมัน ผมหมายถึง ทุกครั้งที่เราฝัน (ไม่ว่าจะโดยการเพ้อฝันกลางวันหรือนอนฝันกลางคืน) เราจะสามารถคิด สามารถเป็น สามารถมี และสามารถทำในสิ่งที่เราอาจจะทำได้ยากในโลกแห่งความเป็นจริง
อย่างไร ก็ตาม เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับการมีความฝัน ความฝันจะนำเราไปในทางที่เราคิดจะเป็น ความฝันจะนำเราไปสู่ความเป็นตัวตนของเราในแต่ละห้วงเวลา และความฝันก็คือสิ่งที่เป็นของของเราโดยแท้ ความฝันของใครก็ของมัน ไม่มีใครขโมยหรือแย่งชิงไปจากใครได้หรอก


เมื่อ เราผิดหวัง สิ้นหวัง เมื่อเราท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หรือเมื่อเราเจอกับเรื่องราวที่ไม่อยากเจอในโลกแห่งความจริง เราก็เลือกที่จะหันกลับไปใช้ชีวิตในอีกรูปแบบ ที่เรารู้สึกว่ามันจะไม่ทำร้ายจิตใจเราให้แย่ไปกว่าเดิม นั่นคือ
1. “วิ่งหนีความจริง” และ 2. “วิ่งตามความฝัน”
แม้ ความฝันจะเป็นสิ่งที่งดงามสำหรับเรา แต่ในบางครั้งบางเวลา ก็เหมือนกับว่าเรากำลังตกลงไปอยู่ในหลุมพลางแห่งความฝัน จนหลงลืมและละเลยที่จะใช้ชีวิต ลืมการก้าวเดินและลงมือทำตามความฝัน กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคปัญหาและค้นพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่ง ความเป็นจริงไป

เรา อาจฝันว่า เราได้ออกเดินทางไปรอบโลก เราเป็นคนรวยที่สุด เรามีคนรักที่หล่อ/สวยที่สุด เราทำอะไรๆ ได้สำเร็จที่สุด แต่ผมพบว่า ความฝันคือความว่างเปล่า ผมกำลังพูดถึง ความฝันมันไม่มีตัวตนเลย ไม่ว่าเราจะฝันดีและรู้สึกดีกับความฝันมากแค่ไหน ในความเป็นจริงมันก็คือความว่างเปล่า
แต่ ไม่ว่าจะอย่างไรเสีย ผมยังก็เชื่อเสมอว่า เราไม่ควรหยุดที่จะฝัน การทำตามความฝันเป็นสิ่งที่ดี และมันควรเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย เราควรใช้ความฝันเป็นแรงผลักดันให้เราลงมือทำ “สร้างความว่างเปล่าให้จับต้องได้จริงๆ” นั่นแหละเป็นผลลัพธ์ที่หอมหวานที่สุดของการได้เดินตามความฝัน

แม้ ความฝันจะเป็นเพียงความว่างเปล่า แต่ก็มีหลายคนในโลก พยายามที่จะหยุดฝัน แล้วลงมือทำบางอย่าง เพื่อทำให้ความว่างเปล่าที่ว่า มันมีความหมายกับคนรอบข้างในความเป็นจริง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


ความ หมายที่แท้จริงในการมีชีวิต จึงไม่ได้อยู่ในความฝันใดๆ “แต่มันอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนี่แหละ” ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจซ่อนอยู่ภายในตัวของเรานี่เอง
ใน ความฝัน เราอาจได้ครอบครองคนที่สุดแสนดี หรือเราอาจได้เดินทางไปไกลแสนไกล เพื่อแสวงหาความสุข ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เดินทางรอบโลกมาเยอะที่สุด หรือรวยที่สุด หรือมีแฟนหล่อสวยที่สุด หรือทำอะไรได้สำเร็จที่สุด แต่อาจเป็นการที่เราค้นเจอความหมายแห่งความสุขที่ซ่อนอยู่ 2 เซนติเมตรข้างในหน้าอกของเรา ยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เรามีในวันนี้ตอนนี้ และหาความสุขจากสิ่งเหล่านั้นอย่างรู้คุณค่าของมันจริงๆ เท่านั้นเอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น